นันทนาการ หมายถึง การกระทำใด ๆ ที่ทำให้เกิดความสุข ความพึงพอใจ สนุนสนาน เกิดความเลื่อมใสศรัทธา เสริมสร้างความรู้ และออกกำลังกาย การนันทนาการเปรียบเสมือนอาหารใจที่ทำให้คนเกิดความสมบูรณ์ทางด้านสมองและจิตใจ ดังนั้นการนันทนาการจึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาหารที่มนุษย์รับประทานเข้าไป
จากการที่มนุษย์ต้องตรากตรำทำงานหนักตลอดทั้งวันหรือสัปดาห์ จะทำให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า สมองตึงเครียด และเบื่อหน่ายต่องานที่ทำ จึงจำเป็นที่ต้องหาเวลาพักผ่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากวันสิ้นสุดสัปดาห์หรือวันหยุดเทศกาลต่าง ๆ
ประชาชนชาวเมืองจะเดินทางออกไปพักผ่อนในชนบทที่อยู่ห่างไกลออกไป ในขณะที่คนในชนบทจะหลั่งไหลกันเข้าเมืองเพื่อพักผ่อนตามโรงภาพยนตร์ หรือแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและเลือกซื้อสินค้าตามศูนย์การค้าต่าง ๆ อย่างไรก็ตามการนันทนาการอาจจะทำได้หลายวิธีทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยม ความถนัด และความต้องการ
ในสภาพปัจจุบันสถานที่นันทนาการจะเพิ่มความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และมีเวลาว่าง จึงทำให้การเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนกระทำได้ไกลจากถิ่นที่อยู่มาก ซึ่งทำให้สถานที่นันทนาการทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่อยู่ห่างไกลออกไปจากย่านชุมชน มีผู้เข้าไปใช้บริการมากยิ่งขึ้น เอกชนบางแห่งได้หันมาลงทุนเพื่อดำเนินการทำธุรกิจทางด้านนันทนาการเป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่า การจัดสร้างสวนสนุก สวนสัตว์ โรงภาพยนตร์ ศูนย์การค้า รีสอร์ต การบริการทางด้านการขนส่ง และสนามกีฬา ซึ่งธุรกิจเหล่านี้นอกจากจะทำรายได้ให้กับผู้ประกอบการอย่างดีแล้วยังช่วยในการสร้างงานให้กับประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วย
การนันทนาการจะทำได้หลายลักษณะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเพศ วัย และความสนใจของแต่ละบุคคล ถ้าหากจะจัดชนิดของการนันทนาการตามหลักสากลแล้ว อาจจะแบ่งออกได้ 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ การกีฬา การออกกำลังกาย เพื่อศึกษาหาความรู้ และเปลี่ยนบรรยากาศ
ความสำคัญของสถานที่นันทนาการ
สถานที่ที่่ใช้นันทนาการ สามารถมีหลายสถานที่เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ วัด โรงมหรสพ ศูนย์การค้า เป็นต้น สถานที่ดังกล่าว เป็นแหล่งความรู้ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้ยังเป็นการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และช่วยในการสร้างงานในท้องถิ่น
สถานที่นันทนาการนับว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่ง และเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำการบำรุงรักษาไว้ ทั้งนี้เพราะสถานที่นันทนาการจะเสื่อมสภาพไปตามกาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่นันทนาการทางวัฒนธรรม แม้แต่สถานที่นันทนาการทางธรรมชาติ เช่น ทะเลสาบ ชายหาด ถ้ำ น้ำตกและอื่น ๆ เมื่อมีผู้เข้าไปใช้บริการมาก ๆ จะทำให้เสื่อมโทรมและสกปรกได้เช่นเดียวกัน ถ้าหากไม่มีการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
ทรัพยากรธรรมชาติ
ในอดีต ประเทศไทยเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนบกและในน้ำ การเร่งรัดพัฒนาประเทศที่เริ่มต้นเมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว โดยมิได้ระมัดระวังและให้ความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติเท่าที่ควร ทำให้มีการตักตวง ประโยชน์ จาก ทรัพยากร ธรรมชาติ อย่าง สิ้น เปลือง มิ ได้ คำนึง ถึง อัตรา การ เกิด ทด แทน หรือ การ ฟื้น ตัว ตาม ธรรมชาติ ดัง นั้น ใน ปัจุบัน ทรัพยากร ธรรมชาติ ของ ประเทศ จึง อยู่ ใน สภาพ ที่ เสื่อม โทรม สร้าง ข้อ จำกัด ของ การ พัฒนา ใน ระยะ ต่อ ไป ใน ขณะ นี้ จึง จำเป็น อย่าง ยิ่ง ที่ ทุกฝ่าย ทั้ง ส่วน ราชการ และ เอกชน จะ ต้อง หัน มา สนใจ และ ร่วม มือ กัน เพื่อ จัด การ ทรัพยากร ธรรมชาติ อย่าง จริงจัง ให้ สามารถ ใช้ ประโยชน์ ทรัพยากร ธรรมชาติ เพื่อ เป็น ปัจจัย พื้น ฐาน ใน การ ดำรง ชีวิต ของ ประชาชน ทั้ง ใน เมือง และ ใน ชนบท และ การ พัฒนา ประเทศ ที่ ยั่ง ยืน ตลอด ไปตามหลักวิชาการ จัดประเภททรัพยากรธรรมชาติ ออกเป็น 3 ประเภท ที่สำคัญดังนี้
๑. ทรัพยากรที่ใช้แล้วไม่หมด หรือสูญหายไป เราสามารถใช้ทรัพยากรประเภทนี้ได้อย่างไม่จำกัด เนื่องจากธรรมชาติสร้างให้มีใช้อยู่ตลอดเวลา ได้แก่ บรรยากาศน้ำที่อยู่ใน วัฎ จักร ซึ่ง เกิด จาก การ หมุน เวียน เปลี่ยน แปลง ของ น้ำ กล่าว คือ เมื่อ น้ำ ตาม ที่ ต่างๆ ได้ รับ ความ ร้อน จาก ดวง อาทิตย์ ก็ จะ ระเหย กลาย เป็น ไอ น้ำ ลอย ขึ้น ไป บน บรรยากาศ เมื่อ กระทบ กับ ความ เย็น ก็ จะ รวม ตัว เป็น ละออง น้ำ เล็กๆ ลอย จับ ตัว กัน เป็น กลุ่ม เมฆ เมื่อ จับ ตัว กัน มาก ขึ้น และ กระทบ กับ ความ เย็น ก็ จะ กลั่น ตัว กลายเป็น หยด น้ำ ตกลง สู่ พื้น โลก แล้ว ไหล ลง สู่ แม่น้ำ ลำธาร และ ไหล ออก สู่ ทะเล เป็น ลักษณะ ของ การ เปลี่ยน แปลง หมุน เวียน ต่อ เนื่อง กัน ตลอด เวลา ทำ ให้ มี น้ำ เกิด ขึ้น บน ผิว โลก อยู่ สม่ำ เสมอ ทรัพยากร ประเภท นี้ รวม ทั้ง แสง แดด ลม และ ทัศนียภาพ ที่ สวย งาม ตาม ธรรมชาติ อีก ด้วย
๒. ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดแต่สร้างทดแทนได้ ตัวอย่างเช่น ป่าไม้ ดิน ที่ดิน แหล่งน้ำ ทุ่งหญ้า และสัตว์ป่า เป็นต้น ทรัพยากรประเภทนี้เมื่อใช้แล้วจะสามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ตามธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ อย่างไรก็ดีการใช้ประโยชน์ก็ต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่ควรใช้มากเกินต้องการและเกินกว่าที่ธรรมชาติ จะ สร้าง ขึ้น มา ทด แทน ได้ มิฉะนั้น ทรัพยากร ชนิด นั้น ก็ จะ ร่อย หรอ เสื่อม โทรม ลง และ สูญ สิ้น ไป การ เสื่อม โทรม และ สูญ สิ้น ก่อ ให้ เกิด ผล กระทบ ต่อ ทรัพยากร ชนิด อื่นๆ ที่ มี ความ สัมพันธ์ และ อยู่ ใน สภาพ แวด ล้อม เดียว กัน
๓. ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป ไม่มีการสร้างทดแทนได้ เช่น แร่น้ำมัน ที่ดิน ในสภาพธรรมชาติ แหล่งที่เหมาะสมสำหรับศึกษาธรรมชาติแหล่งธรรมชาติที่หาดูได้ยาก แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งสภาพธรรมชาติใดๆ ที่ถูกใช้ไปแล้วก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนเดิมอีก เช่น แร่ธาตุ น้ำมัน เมื่อนำมา ใช้ ประโยชน์ ก็ จะ หมด สิ้น ไป โดย ธรรมชาติ ไม่ อาจ จะ สร้าง ขึ้น ทด แทน ได้ ใน ชั่ว อายุ ของ คน รุ่น ปัจจุบัน ทรัพยากร ประเภท นี้ ควร ใช้ โดย ประหยัด ที่สุด คุ้ม ค่า และ ไม่ ให้ เกิด ผล กระทบ ต่อ สภาพ แวด ล้อม ทรัพยากร ประเภท ที่ ดิน สวย งาม ใน สภาพธรรม ชาติ เช่น แพะเมือง ผี ที่ จังหวัด แพร่ เกิด จาก การ กัด กร่อน ตาม ธรรมชาติ ทำ ให้ มี รูป ร่าง ลักษณะ ที่ เป็น เอกลักษณ์ เป็น ที่ สนใจ ของ นัก ท่อง เที่ยว ผู้ ไป เยี่ยม ชม มาก มาย เรา จึง ควร ช่วย กัน ดูแล รักษา ไว้ ให้ คง สภาพ ตาม ธรรมชาติ ให้ นาน ที่สุด
การพัฒนา
การพัฒนา คือ การเปลี่ยนแปลงชีวาลัย (Biosphere) อันเป็นบริเวณที่เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ได้แก่ บริเวณที่เป็นมหาสมุทร ที่ซึ่งมีน้ำจืด บรรยากาศและชั้นดินบางส่วน โดยการใช้ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพย์สินเงินทอง ทรัพยากรที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และปรับปรุงชีวิตมนุษย์ให้มีคุณภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น